ปัจจุบันเราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า พลาสติก นั้นถือว่าเป็นวัสดุที่มีความสำคัญมากที่สุดชนิดหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นวัสดุหลักของ ข้าวของเครื่องใช้ อุปโภคบริโภค
ในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งนี้เพราะพลาสติก มีคุณสมบัติที่ดีในหลายด้าน และมีความคุ้มค่าในด้านต้นทุนการผลิตที่ดี ดังนั้นแม้ว่าปัจจุบันจะมีความพยายามที่จะนำวัสดุจากธรรมชาติ
มาใช้เพื่อทดแทนการใช้พลาสติกมากขึ้น แต่ก็ยังต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง กว่าที่วัสดุธรรมชาติ จะสามารถนำมาใช้ทดแทนพลาสติกได้อย่างจริงจัง
วันนี้เราจะมาพูดถึงพลาสติกในกลุ่มที่อยุ่ในชีิวิตประจำวันของเรามากที่สุด นั่นก็คือพลาสติกในกลุ่ม ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งพลาสติกกลุ่มนี้ มักจะเป็นพลาสติกที่สามารถนำมารีไซเคิลได้
ดังนั้นเราจะมาดูกันว่า พลาสติกเหล่านี้มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทสามารถรีไซเคิลได้ 100% หรือเปล่า?
สำหรับพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งนั้น เรามักจะเห็นสัญลักษณ์ที่มีหมายเลขกำกับ ดังนี้
เป็นพลาสติกโพลิเมอร์ทใส ไม่มีสี มองทะลุได้ มีคุณสมบัติในด้านป้องกันการซึมผ่านของไอน้ำและก๊าซได้ดีมาก และป้องกันการซึมผ่านของไขมันได้ดี มีความใสและความเหนียวสูง จึงนิยมมากในการผลิตเป็นขวดสำหรับบรรจุของเหลว เช่น ขวดน้ำดื่ม ขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำมันพืช และขวดเครื่องปรุงอาหาร เป็นต้น นอกจากนั้นยังนำมาใช้เคลือบกับวัสดุอื่น ผลิตเป็นถุงสำหรับใช้ต้ม, นึ่งฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง สามารถนำมารีไซเคิลได้โดยการทำเป็นเส้นใยโพลิเอสเทอร์ (Polyester)
เป็นพลาสติกในกลุ่ม โพลีเอทีลีน (Polyethylene) มีความหนาแน่นสูง การจัดเรียงตัวของโมเลกุลภายในโครงสร้างมีความเป็นระเบียบ และมีปริมาณโครงสร้างผลึกสูง มีความขุ่น ทนกรดและด่างได้ดี สามารถขึ้นรูปได้ง่าย จึงนิยมนำมาใช้ทำภาชนะบรรจุสารเคมี, น้ำยาทำความสะอาด, ยาสระผม, ถังขยะ และ ถังน้ำ สามารถนำมารีไซเคิลเป็น ขวดน้ำมันเครื่อง ท่อ ลังพลาสติก ไม้เทียม เป็นต้น
เนื่องจากมีคลอรีนอะตอมอยู่ในสายโซ่ จึงทำให้มีแรงดึงระหว่างโมเลกุลสูง ทำให้มีความแข็งมาก นิยมใช้ทำท่อน้ำประปา หนังเทียม ฉนวนหุ้มสายไฟ ถ้าเติมพลาสติกไซเซอร์ (Plasticizer) ลงไปจะทำให้นิ่มตัว นิยมนำมาทำเป็นโฟม สายยาง ม่านพลาสติก พลาสติกชนิดนี้นิยมนำมารีไซเคิล ทำเป็นท่อน้ำประปาเพื่อการเกษตร กรวยจราจร เฟอร์นิเจอร์ ม้านั่งพลาสติก และแผ่นไม้เทียม
เป็นพลาสติกในกลุ่ม โพลีเอทีลีน (Polyethylene) โครงสร้างมีกิ่งก้านสาขาจำนวนมาก จึงทำให้มีปริมาตรสูง มีความหนาแน่นต่ำ มีความโปร่งแสง นิ่ม เหนียว ยืดตัวได้มาก ทนทาน แต่ไม่ค่อยทนต่อความร้อน นิยมนำมาใช้ทำฟิล์มห่ออาหารและห่อของ ถุงใส่ของ ถุงเย็นบรรจุอาหาร สำหรับการรีไซเคิล นิยมนำพลาสติกชนิดนี้มาทำ ถุงดำใส่ขยะ ถุงหูหิ้ว เป็นต้น
มีคุณสมบัติคล้ายกับ PE แต่มีความหนาแน่นต่ำกว่า PE เป็นพลาสติกที่เบาที่สุด แต่มีความแข็งแรง ใส ทนทานต่อความร้อน คงรูป ทนทานต่อแรงกระแทกสูง และยังทนต่อสารเคมีและน้ำมัน นิยมใช้ทำภาชนะบรรจุอาหาร เช่น กล่อง จาน ชาม กระบอกใส่น้ำเย็น ขวดซอส ขวดบรรจุยา ฝาขวดที่มีการเปิดปิดเป็นประจำ และเพราะมีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าได้ดี จึงนิยมนำมารีไซเคิล ทำเป็นกล่องแบตเตอรี่รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น กันชน ไฟท้าย กรวยสำหรับน้ำมัน เป็นต้น
เป็นพลาสติกที่มีความใส แต่เปราะแตกง่าย ข้อดีคือสามารถผลิตเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ง่าย ผลิดขึ้นรูปด้วยการฉีด นิยมใช้นำมาทำเป็นภาชนะบรรจุของใช้ต่าง ๆ หรือโฟมใส่อาหาร พลาสติกชนิดนี้ เมื่อนำมารีไซเคิล นิยมนำมาทำ ไม้แขวนเสื้อ กล่องวิดีโอ กล่องเทป ไม้บรรทัด แผงสวิตซ์ไฟ ฉนวนความร้อน ถาดใส่ไข่ เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้
เช่น พอลิคาร์บอเนต (Polycarbonate; PC) มีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อแรงกระแทก ทนอุณหภูมิได้ดี นิยมใช้ทำ หมวกนิรภัย แว่นนิรภัย ไฟจราจร ป้ายโฆษณา หรือพลาสติกชนิดอื่น ๆ ที่สามารถนำมาหลอม รีไซเคิลได้
จะเห็นได้ว่า พลาสติกเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของเรานั้น หลายชนิดมาก ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อผลิต เป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้อีกมากมาย ดังนั้นเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว หากพวกเราทุกคน ช่วยกันคัดแยก ผลิตภัณฑ์พลาสติก ก่อนทิ้งให้ดี ก็จะสามารถช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลงไปได้อีกมากเลยทีเดียว รวมถึงได้มีส่วนในการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกด้วย